วันอังคารที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐

• "รองนายกฯกร"ซื้อโรงแรมในโคราช ทาบเจ้าของรร.สีมาธานีเข้าบริหาร


ลือสะพัดรองนายกฯ"กร ทัพพะรังสี "ทุ่มกว่า 600 ล้านบาท เทคโอเวอร์โรงแรมจอมสุรางค์ โรงแรมเก่าแก่แห่งเมืองย่าโม จากตระกูลอัศวกุล หลังจากประกาศขายทอดตลาดมานานหลายปี วงในระบุ"กงกฤช หิรัญกิจ"เจ้าของโรงแรมสีมาธานี ถูกทาบทามให้เข้าบริหารพลิกฟื้นจอมสุรางค์ หลังยืนตายซากนานหลายปี ขณะที่เจ้าตัวปฏิเสธยังไม่ไดัรับการติดต่อ แหล่งข่าวนักธุรกิจในจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อไม่นานมานี้นายกร ทัพพะรังสี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะส.ส.จังหวัดนครราชสีมา ได้มีการเจรจาตกลงซื้อกิจการ โรงแรมจอมสุรางค์ จากนายสุรชัย อัศวกุล โดยตัวเลขที่ซื้ออยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท โรงแรมแห่งนี้ถือเป็นโรงแรมเก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนครราชสีมา บนถนนจอมสุรางค์ มีขนาด 10 ชั้น ประมาณ 100 ห้อง ของตระกูล"อัศวกุล"ซึ่งถือเป็นตระกูลคหบดีรายใหญ่ในโคราช ทั้งนี้ ผลจากการเจรจาตกลงกันเรียบร้อยแล้ว โดยนายกร จะลงทุนปรับปรุงโรงแรมใหม่ทั้งหมด และคาดว่านายกร จะมอบหมายว่าจ้างให้ นายกงกฤช หิรัญกิจ กรรมการผู้จัดการโรงแรมสีมาธานี ซึ่งมีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับ นายกร เข้าไปวางระบบ และทำการบริหารโรงแรมจอมสุรางค์แห่งนี้ทั้งหมด โดยนายกงกฤชถือเป็นนักบริหารกิจการโรงแรมรุ่นใหม่ ที่มีฝีมือดีคนหนึ่งสำหรับโรงแรมจอมสุรางค์ ก่อนหน้านี้ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ได้เคยประกาศขายทอดตลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง ในราคากว่า 300 ล้านบาท แต่ไม่มีนักธุรกิจรายใดสนใจซื้อ ประกอบกับทางเจ้าของโรงแรม คือ นายสุรชัย ใช้วิธีการบริหารโรงแรมเป็นระบบครอบครัว ทำให้ขาดมืออาชีพบริหารกิจการ และมักมีปัญหาขาดแคลนบุคลากรมาตลอด โดยด้านหน้าโรงแรมจะปักป้ายรับสมัครพนักงานโรงแรมให้เห็นอย่างต่อเนื่องเมื่อราวปี 2537 นายสุรชัย ได้แก้ปัญหาธุรกิจโรงแรมแห่งนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ด้วยการดึง นายวิทยา วงศ์วัชรกาญจน์ อดีตผู้จัดการทั่วไปโรงแรมรอยัลพลาซ่า เข้ามาบริหารแทน และยังมีการซื้อที่ดินด้านหลังโรงแรม ซึ่งเป็นที่ดินของโรงเรียนนฤมิตร เนื้อที่ 3 ไร่ รวมกับที่ดินติดกับโรงเรียนอีก 2 ไร่ รวมเป็น 5 ไร่ ในราคาถึง 100 ล้านบาท เพื่อมาทำเป็นลานจอดรถรองรับลูกค้าโรงแรม ช่วงที่นายวิทยา และทีมงานเข้ามาบริหารได้มีการปรับปรุง ภายในโรงแรมใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ห้องพัก ล็อบบี้ คาเฟ่ต์ และห้องประชุมสัมมนา แต่หลังจากนายวิทยา บริหารงานได้ 7 เดือน ก็ถอนตัวออกไปบริหารโรงแรมที่จังหวัดมุกดาหารต่อ โรงแรมจอมสุรางค์ เป็นโรงแรมเก่าแก่ยุคทหารจีไอ สมัยนั้นโครราชมีโรงแรมขนาดใหญ่เพียง 3 แห่ง คือ โรงแรมศรีพัฒนา โรงแรมโคราชโฮเต็ล(เค.อาร์.) และโรงแรมจอมสุรางค์ ที่นายสุรชัยเป็นเจ้าของ เมื่อครั้ง พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ยังมีชีวิตอยู่ครอบครัว "อัศวกุล" ถือว่ามีความสนิทสนมกับพล.อ.ชาติชาย มากตระกูลหนึ่งในโคราช ว่ากันว่าสายสัมพันธ์ทั้งสองตระกูลมีมาตั้งแต่ จอมพลผิน ชุณหะวัณ "เมื่อพล.อ.ชาติชาย มาลงสมัคร ส.ส.ที่โคราช ก็ได้ใช้โรงแรมจอมสุรางค์เป็นสถานที่พักและทำงานการเมือง ก่อนที่จะสร้างบ้านพักขึ้นในซอยสามยอด โคราช ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเถ้าแก่สุรชัยและคุณเครือวัลย์ อัศวกุล กับ พล.อ.ชาติชาย นั้นส่งผลทำให้สนิทสนมกับรองนายกกรมาจนถึงทุกวัน"แหล่งข่าวกล่าวอย่างไรก็ตาม จากการสอบถามนายกงกฤช ล่าสุด นายกงกฤช หิรัญกิจ กรรมการผู้จัดการโรงแรมสีมาธานี นครราชสีมา ได้กล่าวปฏิเสธ ว่าตนยังไม่ได้รับการทาบทามให้เข้าไปบริหารโรงแรมจอมสุรางค์ แต่จังหวัดนครราชสีมาถือว่า มีศักยภาพทางด้านธุรกิจการบริการสูงมาก การปรับปรุงฟื้นฟูธุรกิจโรงแรมเก่าขึ้นมาใหม่ อย่างกรณีโรงแรมจอมสุรางค์ น่าจะช่วยทำให้ภาพรวมธุรกิจการท่องเที่ยวการบริการในโคราช ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น การปรับปรุงโรงแรมที่มีอยู่เดิมแล้ว เพื่อให้ได้มาตรฐานบริการ เป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน แต่หากจะสร้างขึ้นใหม่ในโคราชตอนนี้ ยังถือว่ายังไม่เหมาะต่อการลงทุน สภาพเศรษฐกิจยังไม่เอื้อนายกงกฤช กล่าวถึงสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมที่พักในภาคอีสาน ต่อว่า ในช่วงนี้ถือว่าปรับตัวดีขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา แต่อาจจะปรับดีขึ้นไม่มากนัก รายได้ธุรกิจโรงแรมในภาคในระยะนี้ โดยมากยังมาจากการจัดประชุมสัมมนาของส่วนราชการ เนื่องจากอยู่ในระยะแรกของการปฏิรูประบบราชการ จึงต้องทำการชี้แจงนโยบายใหม่ๆ ของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ หรือแม้แต่การปรับโยกย้ายของข้าราชการระดับสูง ทำให้ต้องจัดประชุมสัมมนาในพื้นที่ค่อนข้างมาก ในส่วนของภาคเอกชน ผู้ประกอบการโรงแรม ที่กิจการหยุดชะงักมาถึง 5 ปีหลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ ต่อนี้ไปคงต้องเดินหน้าพัฒนาการบริหารจัดการธุรกิจต่อ จะหยุดตัวเองต่อไม่ได้แล้ว เพื่อรองรับการบริการด้านงานประชุมสัมมนา ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของธุรกิจโรงแรมในภาคอีสาน ที่พึ่งรายได้จากงานประชุมสัมมนาเป็นหลักสำหรับตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยภาพรวมของไทยน่าจะมีอนาคตที่ดี แต่โชคร้ายที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดที่บาหลี ไม่มั่นใจว่าจะส่งผลกระทบมาถึงการท่องเที่ยวในแถบภาคใต้ตอนล่างด้วยหรือไม่ อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วน ที่ไม่รู้จักประเทศไทยเข้าใจผิดคิดว่าไทยอยู่ใกล้บาหลี เสี่ยงเกินไปที่จะเดินทางมา ประเด็นนี้ตนคิดว่ารัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องเร่งทำความเข้าใจชี้แจงนักท่องเที่ยว เพราะช่วงนี้เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของไทยพอดี "บาหลีห่างไกลไทยมาก แต่นักท่องเที่ยวอาจมองเป็นภาพรวมปัญหาของอาเซียน ไทยจะต้องรีบผลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส สถานการณ์คลี่คลายดีขึ้นนักท่องเที่ยวอาจจะไหลกลับเข้ามา อย่างโคราชเอง นักท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักเช่นกัน ซึ่งในปี 2546 จะมีนักท่องเที่ยวประเภทนักเรียนเข้ามาทัศนศึกษาในจังหวัดนครราชสีมาหลายพันคน โดยภาพรวมแล้วอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปีหน้า น่าจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ? เตรียมเวิร์กชอปอุตฯท่องเที่ยวนายกงกฤช กล่าวถึงการดำเนินงาน ในส่วนของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่นั่งเป็นเลขาธิการสภาอุตฯว่า ในเร็วๆนี้จะจัดทำเวิร์กชอปในเรื่องของการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิน ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทางสภาฯ จัดทำประเด็นหัวข้อในการจัดเวิร์กชอปเสนอรัฐบาล ถือเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการทำเวิร์กชอปเป็นครั้งแรก จากเดิมที่ส่วนราชการเป็นผู้จัดทำประเด็นขึ้นเอง แต่ครั้งนี้ภาคเอกชนโดยสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นผู้จัดทำ นายกงกฤช กล่าวว่า ในราวเดือนหน้า ตัวแทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว น่าจะได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือของเสนอกรอบการจัดทำเวิร์กชอปดังกล่าว ซึ่งประเด็นต่างๆ กำลังอยู่ในระหว่างสรุปและประมวล อย่างไรก็ตาม ประเด็นปัญหาใหญ่ที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขเป็นการด่วน ประเด็นแรก เรื่องของแหล่งท่องเที่ยวที่เสื่อมโทรม ภาคเอกชนอยากจะเห็นการพัฒนาการการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในประเทศ"อย่างกรณีของบางแสน เมื่อก่อนเสื่อมโทรมมาก เมื่อผู้นำในพื้นที่ คือกำนันเป๊าะได้เข้าไปพัฒนาบางแสน ให้กลับคืนสู่สภาพดีสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวก็ไหลเข้าไปใหม่ ทำให้ขายได้จนถึงทุกวันนี้"นายกงกฤชกล่าวและว่าปัจจุบันมีแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรมทั่วประเทศไทย จำนวนมากนับพันแห่ง กระจัดกระจายในจังหวัดหนึ่งๆไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง หากมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรมให้กลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์ จะเป็นการเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวได้อีกมากประเด็นที่สอง ที่อยากให้มีการแก้ไข คือ เรื่องการข่มขู่หลอกลวงหรือทำร้ายนักท่องเที่ยว ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวระยะยาว ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เลือกกลับเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยซ้ำอีก ทำให้แต่ละปีรัฐบาลต้องใช้งบประมาณจำนวนไม่น้อย ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์หานักท่องเที่ยวใหม่ๆเข้ามาเรื่อยๆ แทนที่จะเป็นกลุ่มนักเที่ยวเก่าที่เข้ามาแล้วประทับใจ บอกต่อกันแบบปากต่อปากแล้วพากันเข้ามาอีกโดยไม่ต้องเสียต้นทุนเพิ่ม ส่วนประเด็นที่สาม เรื่องการเพิ่มที่นั่งเที่ยวบินเข้ามาสู่ประเทศไทย เพราะว่านักท่องเที่ยวเกือบ 90% ประมาณ 10 กว่าล้านคนเข้ามาโดยทางเครื่องบินเป็นหลัก และจำนวนที่นั่งเที่ยวบินไม่เพียงพอ ซึ่งหากประเทศไทยต้องการจะให้จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มมากขึ้นก็ต้องเพิ่มที่นั่งเที่ยวบินรองรับด้านนายวิทยา วงศ์วัชรกาญ เลขาธิการสมาคมโรงแรมภาคอีสาน เปิดเผยเพิ่มเติม ถึงแผนงานการเข้าถึงกลุ่มตลาดจัดประชุมสัมมนา ทั้งในส่วนของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เลือกใช้บริการโรงแรมในพื้นที่ภาคอีสานให้มากขึ้น ว่า ในราวปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคมปีหน้า สมาคมโรงแรมภาคอีสาน สมาคมโรงแรมไทย(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)และททท.จะร่วมกันจัดงาน"อีศานปุระ:นครแห่งการจัดประชุมสัมมนา"ขึ้นที่กรุงเทพฯการจัดงานดังกล่าว จะว่าจ้างบริษัทเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ เป็นผู้ออกแบบกิจกรรมของงาน เพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งหน่วยงานราชการ บริษัทเอกชน และบริษัทออร์แกนไนซเซอร์ต่างๆเข้าร่วมงานให้เกิดความประทับใจ อยากจะเลือกโรงแรมในภาคอีสาน เป็นสถานที่จัดงานประชุมสัมมนาในอนาคต โรงแรมแต่ละแห่งในภาคอีสานจะเข้าร่วมงาน เพื่อแสดงศักยภาพการบริการในด้านห้องพักและบริการสัมมนาการจัดงานดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรกที่โรงแรมในภาคอีสานทำตลาดเชิงรุก กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นตลาด MICE (Meeting, Incentive, Conference&Exhibition)โดยเฉพาะ

ไม่มีความคิดเห็น: